วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ใบงานที่ 3 พรบ.คอมพิวเตอร์ 2560


🌷พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560🌷







สรุป 13 ข้อ สาระสำคัญ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 


1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม
5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่แชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3
6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิดกฎหมาย เมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบเว็บไซต์จะไม่มีความผิด
7.สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เมื่อลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลแล้ว จะถือเป็นผู้พ้นผิด
8. ไม่โพสต์สิ่งลามกอนาจาร ที่ทำให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้
9. การโพสเกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้า ยกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชม อย่างให้เกียรติ
10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย
11. การโพสต์ด่าว่าผู้อื่น มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
12. ไม่ทำการละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด ไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13. ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดี อวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้



ใบงานที่ 2 ความรู้เรื่อง Blog

💡BLOG💡



Blog คืออะไร ?

บล็อก (Blog) คือเว็บไซด์รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาคล้ายๆกับการเขียนไดอารี่ หรือ บันทึกส่วนตัว ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบันนื่องจากเราใช้ฟรี ไม่ต้องเสียเงิน
- คำว่า "Blog" มาจากคำเต็มว่า "Weblog" (ตัด We ทิ้ง คงเหลือแต่ blog) ซึ่งโดยนัยแล้วหมายถึง การบันทึกข้อมูล(Log) บน เว็บ(Web) นั่นเอง 
- โดยผู้ที่เขียนบล๊อกเป็นอาชีพ จะถูกเรียกกันว่า "บล็อกเกอร์" (Blogger
- จุดเด่นที่สำคัญของ Blog คือ จะมีระบบที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันได้ โดยผ่านทางระบบ Comment ของบล๊อก

Blog ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?

ทำBlog เป็นเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้อื่นๆ เช่น บันทึกไดอารี่ 
เขียนBlog เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ นำเสนอสิ่งที่ตนเองรู้ หรือสิ่งที่ตนเองสนใจ เพื่อแบ่งปันให้กับผู้อื่น
สร้างBlog ทำเป็นเว็บไซด์เพื่อใช้ในการโปรโมทธุรกิจ ร้านค้า บริการต่างๆ
ใช้Blog ในการทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)
- นอกจากนี้ Blog ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่นิยมใช้กับเพื่อหารายได้จาก Internet Marketing

Blog กับ Website ต่างกันอย่างไร ?

- เว็บไซด์ทั่วๆไปนั้น จำเป็นต้องมี Server, มี Host มี Domain Name เป็นของตนเอง ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของ Blog นั้นเราสามารถสมัครใช้บริการได้แบบฟรี เพียงแต่เราต้องใช้ชื่อ Domain ของผู้ให้บริการนั้นๆ เช่นของ Google คือ Blogger.com - โดเมนเนม ก็จะเป็น "ชื่อBlogของคุณ" ต่อท้ายด้วย "blogspot.com" เช่น JoJho-Problog.blogspot.com
- เว็บไซด์ทั่วไปจะมีความยืดหยุ่นสูงในการออกแบบ ดีไซน์ เพราะเราต้องสร้างเองทั้งหมด (ดังนั้นจะเลือกดีไซน์ยังไงก็ได้)
- แต่ Blog จะมีการดีไซน์ในรูปแบบเฉพาะเรียกว่า Blog Template ซึ่งมีให้เลือกมากมาย แต่ยังคงมีลักษณะโครงสร้างที่ค่อนข้างตายตัว ไม่สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้มากตามใจชอบอย่างเว็บไซด์
- การสร้างเว็บไซด์ จำเป็นต้องมีทักษะความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากพอสมควร ทั้งในส่วนของภาษาคอมพิวเตอร์, โปรแกรมคอมติวเตอร์ต่างๆ ความรู้เบื้องต้นในเรื่องของ Network เป็นต้น แต่ Blog เพียงรู้หลักในการใช้เล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถสร้างเว็บไซด์ได้อย่างง่ายดาย


Blog กับ Website สำเร็จรูปต่างกันอย่างไร 

ลักษณะความแตกต่างของบทความใน Website และ Weblog

     ในสมัยก่อนเราสร้างเว็บไซต์เพื่อนำเสนอข้อมูลของธุรกิจของเรา ส่วนมากก็จะมี ข้อมูลเช่น Company Profile, Our Service, Our Product, About Us, Contact Us ซึ่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้ บทความในการเขียนเพื่อใส่ลงในเว็บไซต์ จะใช้ภาษาในรูปแบบ ที่อ่านดูแล้วเป็นทางการ ซึ่งหากเราเขียนบทความในเชิงสนทนา หรือแบบเป็นกันเอง ก็จะทำให้ Website ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ 
     แต่ในทางตรงกันข้าม สำหรับ Blog เนื้อหาจะเน้นแบบเป็นกันเองมากหน่อยก็ได้ เสมือนเป็นการพูดคุยสนทนา หรือการบอกเล่าเรื่องราวระหว่างเจ้าของ Website กับผู้เยี่ยมชม ... ดังนั้นจะเห็นว่า Website ขององค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ มักจะมีเมนู "Blog" อยู่เสมอ ซึ่งเมื่อเราคลิกเข้าไปอ่านแล้ว รูปแบบบทความก็จะเป็นภาษาที่เป็นกันเอง อาจจะเป็นรีวิว ของสินค้าหรือบอกเล่ากิจกรรมของบริษัท เป็นต้น
     อีกทั้งสิ่งสำคัญที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ "การอัพเดทข้อมูล" ในเว็บไซต์ทั่วไป มักจะไม่นิยมที่จะอัพเดทข้อมูลต่างๆ ในขณะที่เว็บบล็อกมักจะมีการอัพเดทบทความต่างๆอยู่เสมอหรือเป็นครั้งคราว (ขึ้นอยู่กับผู้เขียนบล็อกหรือเจ้าของบล็อก)

"หน้าที่หลักของเว็บไซต์ คือมุ่งเน้นที่จะให้ข้อมูลกับคนดูเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ เว็บบล็อก (หรือบล็อก) จะเพิ่มการเกื้อหนุนให้มีการสื่อสารกันระหว่างผู้เข้าชมกับเจ้าของเว็บ"

ปลดปล่อยพลังงานที่แท้จริงของการสร้างเว็บด้ย Blogger

     ในการ สร้างเว็บ ด้วย Blog นั้น เราสามารถทำให้มันเป็นแค่เพียง Website ธรรมดาๆแบบสมัยเก่าก็ย่อมได้ โดยการใส่เนื้อหาบทความเพียงแค่ ข้อมูลบริษัท/สินค้า/บริการ/ช่องทางการติดต่อ ซึ่งนั่นคือ Blog แบบธรรมดา ที่คุณก็สามารถทำเองได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเสียเงินลงทุนเลย แต่แน่นอนว่า การทำ SEO ให้ Blog ที่คุณสร้างมาแบบธรรมดาๆนี้ โอกาสยากมากที่จะติดอันดับการค้นหาใน Google

     ในขณะเดียวกันหากคุณมีไอเดีย มีความสามารถมากพอ ที่จะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของการทำ Blog ... แน่นอนว่าการสร้าง Blog ของคุณ จะเป็นได้ทั้ง Website ที่ให้ข้อมูลบริษัทให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการของคุณอย่างเป็นทางการ ประกอบกับการนำเสนอสิ่งที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ ความน่าสนใจ ให้กับผู้ที่มาเข้าชมบล็อก นอกเหนือจากข้อมูลบริษัทของคุณ ผ่านบทความในสไตล์การเขียนบล็อก ... และแน่นอนที่สุดว่าเมื่อพลังที่แท้จริงของการทำ Blog ถูกปลดปล่อยออกมาผ่านทางการเขียนบทความแล้ว ผมกล้ายืนยันว่า การทำ SEO ให้บล็อกของคุณติดอันดับต้นๆในหน้าแรกๆของ Google นั่น จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

"จุดหลักที่ผมมองว่า Blog กับ Website ทั่วไปนั้นดูแตกต่างกันก็คือ รูปแบบการเขียนและเนื้อหาของบทความที่เผยแพร่นั่นเอง"

ความแตกต่างระหว่าง Website กับ Blog ในประเด็นอื่นๆ

- เรื่องของ Host/Server (เว็บไซด์ทั่วๆไปต้องมี Web Server เป็นของตัวเอง ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายในการเช่า Host แต่ในขณะที่ Blog เราใช้ Server ของฟรีที่เค้าเปิดให้บริการ เช่น Blogger (blogspot.com), WordPressTumblrTypepad เป็นต้น)
- ระบบการใช้งานนั้น Blog ถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีทักษะความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์มากนักก็สามารถเขียนบล็อกได้ แต่เว็บไซด์ทั่วไปจำเป็นต้องพอมีความรู้บ้าง (ยกเว้นว่าคุณจะเลือกใช้บริการพวกฟรีสร้างเว็บไซด์สำเร็จรูป .. แต่ก็จะมีการจำกัดสิทธิ์ต่างๆ จนกว่าคุณจะเสียเงินอัพเกรดให้เป็น Premium Account)

สรุปลักษณะเนื้อหาของเป้าหมายในเชิงธุรกิจ
Website - เน้นการนำเสนอข้อมูลของตัวธุรกิจ ในการเรียกลูกค้าเข้ามา เพื่อทำยอดขาย
Blog - เน้นการแบ่งปันข้อมูลและความรู้ต่างๆที่เกี่ยวโยงกับธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าสนใจก่อน


ข้อดีและข้อเสียของ Blog

ข้อดี
- มีอิสระที่จะนำเสนอสิ่งต่างๆ (ที่ไม่ไปก้าวล่วงบุคคลอื่น และไม่ผิดกฎกติกาของผู้ให้บริการ Blog)
- เปิดโอกาสให้เจ้าของ Blog ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าชมและโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ
- ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านภาษาโปรแกรมต่างๆ 
- หากพอมีความรู้ด้านภาษาเว็บพื้นฐาน (HTML) จะสามารถช่วยทำให้เข้าไปแก้ไข Source Code ได้
เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบ Template ของ Blog ตามต้องการ
- สามารถใช้ Blog ในการทำธุรกิจหารายได้ จากการโปรโมทสินค้าหรือบริการ
- สามารถใช้สร้างเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ 
- ใช้งานได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นต้องการจด Domain Name เป็น .com .net .org .info)
- มี Template ให้เลือกใช้มากมาย (ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน)
- Server มีความเสถียรสูง ปัญหาในด้านความช้า หรือ Server ล่ม พบน้อยมาก

ข้อเสีย
- ฟังก์ชั่นและลูกเล่นต่างๆ ยังมีน้อยหากเทียบกับเว็บไซด์ที่สร้างเองหรือเว็บไซด์สำเร็จรูป
- แม้มีรูปแบบ Template ให้เลือกใช้มากมายแต่โครงสร้างเว็บก็ยังคงค่อนข้างตายตัว
- เนื่องจากเป็นบริการให้ใช้ฟรี หากเราทำผิดกฎของผู้ให้บริการ Blog เราจะถูกแบน และมีโอกาส
ถูกลบ Blog ได้ (แต่ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎอะไร ก็อยู่ได้อย่างยาวนานจนกว่าผู้บริการจะเลิกให้บริการ)

     การเลือก ทำBlog ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกวิธีหนึ่ง ในการนำเสนอ หรือ โปรโมท สินค้าและบริการต่างๆ  ซึ่งปัจจุบัน วงการ Blog นั้นได้พัฒนาขึ้นมาก ทั้งลูกเล่นและฟังกชั่น การออกแบบดีไซน์ มีรูปแบบ Template สวยๆให้เลือกใช้มากมาย ครอบคลุมในสิ่งจำเป็นหลักๆได้ทั้งหมด และหากท่านมีความรู้ในเรื่องของ ภาษา HTML และ CSS ด้วยแล้วนั้น การสร้างBlog ในระดับคุณภาพดีดี สัก Blog ขึ้นมา อาจจะเทียบได้กับการสร้างเว็บไซด์แบบปกติ หรือเว็บไซด์สำเร็จรูปดีดี สักเว็บได้เลยทีเดียว (หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำไป) 
     และอีกสิ่งหนึ่งที่หลายๆท่านอาจจะคาดไม่ถึง คือ เรื่องของ การทำ SEO ให้เว็บไซด์ติดอันดับต้นๆของ  Google ในการค้นหา ... สำหรับ Blogger (หรือ Blogspot.com) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งของ Google เอง มันจะแรงและเร็วมากในการทำอันดับ หากท่านรู้วิธีการ เทคนิค และ หลักในการทำอย่างถูกต้องเหมาะสม

ประโยชน์ของ web blog

           Blog มีไว้เพื่อตอบสนองตัณหาของเจ้าของ blog ถึงแม้ว่า blog จะมีลักษณะหน้าตาคล้ายกัน แต่ blog แต่ละแห่งจะมีบุคลิกเฉพาะตัว แตกต่างกันไปเหมือนบุคลิก บาง blog แค่เล่าเรื่องชีวิตประจำวัน บาง blog เกาะติดข่าว บาง blog คุยเรื่องการเมืองหรือปรัชญา จงนั้นอาจแบ่งประโยชน์ได้หลายแบบด้วยกัน ซึ่งอาจจะแจกแจงได้ดังนี้
          1.เปิดตัวเองให้โลกรู้ เรื่องของ blog มักเป็นเรื่องราวของเจ้าของ blog เป็นการเล่าประสบการณ์หรือความคิดของเจ้าของ เป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกของเจ้าของ blog เป็นการระบายความเคลียดอีกทางหนึ่ง
          2.ทันข่าวทันเหตุการณ์ ประสบการณ์บางคนก็เป็นข่าวเห็นอีกหลายคนได้ ข่าวจาก blog หลายแห่งเป็นข่าววงใน บางคนเล่าเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เจอมา หลาย blog พูดถึงแนวโน้มหรือความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ
          3. กลั่นกรองข้อมูล blog บาง blog จะมีการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำลง blog ทำให้ผู้อ่าน blog ไม่ต้องเสียเวลาในการกลั่นกรองข้อมูล เพราะมีการนำเสนอข้อมูลหรือมีไกด์ในการท่องเว็บ
          4. รายงานการท่องเว็บ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่เป็นต้นกำเนิดของการทำ blog หลาย blog มีการลิงก์ไปยังเว็บที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน blog ซึ่งเป็นการแนะนำว่าเว็บไหนดีก็ไปที่เว็บนั้น
          5. การแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นความในใจของเรื่องต่างๆ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือการบ่นที่ทุกคนมีอยู่ในใจ การทำ blog เป็นช่องทางถ่ายทอดความคิดเห็นให้คนอื่นรับรู้
          6. ถ่ายทอดประสบการณ์ หรือไดอะรี่ออนไลน์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตประจำวัน หรือเป็นการเล่าเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เช่น www.terrystrek.com
          7. โน้มน้าวใจผู้อ่าน ลักษณะนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ แต่กรณีแบบนี้เป็นการขายความคิด อย่าง blog สำหรับคอการเมืองอาจจะมีฝ่ายซ้าย - ฝ่ายขวา,สายเหยี่ยว ­- สายพิราบ จะพบว่าเนื้อหาจะเป็นการโพสต์โจมตีฝ่ายตรงข้าม แล้วก็สนับสนุนแนวความคิดของตนเอง



วิธีการสร้างบล็อก











ใบงานที่ 1 แบบสำรวจตัวเอง

กิจกรรมที่ 1 คลังข้อสอบ

TCAS คืออะไร ? TCAS เป็นระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่ ซึ่งย่อมาจาก Thai University Central Admission System ไม่ใช่ระบบเอ็นท...